หมากู เทพนารีตามความเชื่อลัทธิเต๋า เรื่องโดย เสี่ยวเฉิน ——ตั้งแต่สมัยโบราณชาวจีนต่างปรารถนาความมีอายุยืน มีการค้นหาสิ่งที่จะทำให้อายุยืนยาวมาเนิ่นนาน เช่น จักรพรรดิจิ๋นซีทรงส่งคนออกตามหายาอายุวัฒนะ เพื่อหล่อเลี้ยงพระชนมายุให้ยืนยาวนาน ไม่แก่ไม่ตาย เป็นต้น จนถึงการขอพรจากเทพเจ้า ฟ้าดิน เพื่อให้ตัวเองมีอายุที่ยืนยาวไม่สิ้นสุด ——เมื่อกล่าวถึงเทพแห่งอายุยืนของลัทธิเต๋าที่คนไทยรู้จักก็จะนึกถึงเทพซิ่วในกลุ่มฮก ลก ซิ่ว โดยมากมักเป็นเทพฝ่ายชาย แต่ฝ่ายหญิงก็มีเทพแห่งอายุยืนเหมือนกัน เทพองค์นั้นก็คือ หมากู (麻姑) ——หมากู (麻姑) เรียกอีกชื่อว่า เซียนหญิงอายุยืน (壽仙娘娘) เป็นเทพนารีที่อยู่ในเรื่องปรัมปราของลัทธิเต๋าซึ่งชาวจีนต่างเลื่อมใสศรัทธา สถานที่ประกอบพิธีบูชาหมากูอยู่ที่ภูเขาหมากู ( 麻姑山ปัจจุบันอยู่ที่ตำบลหนานเฉิง南城縣เมืองฝู่โจว 撫州 มณฑลเจียงซี 江西 ) รูปลักษณ์ของหมากู ——บางครั้งก็เดินทางมาพร้อมกับเซียนหญิงองค์อื่นๆ บางครั้งไปให้พรแห่งความมีอายุยืนคู่กับดาวอายุยืน (壽星) และข้างกายมักมีสัตว์มงคลเช่น กวางดาว (梅花鹿) นกกระเรียนเทพ (仙鶴) อยู่เสมอ : ภาพหมากูถือเซียนท้อ เหล้าชั้นดี และนกกระเรียนเทพ : : ภาพภาพกวางดาว : : ภาพนกกระเรียนเทพ : ความเป็นมาของหมากู การเชิดชูคุณงามความดีของพระธิดาจักรพรรดิ ——ด้วยความที่หมากูมีจิตใจดี จึงไม่ยินยอมทำแบบนั้น นางจึงไปทูลวิงวอน ขอความเมตตาจากจักรพรรดิจิ๋นซีว่า เหล่าคนงานทั้งเหนื่อยและยากลำบาก พวกเขาต่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก หวังว่าเสด็จพ่อจะโปรดเมตตากรุณา ปล่อยคนงานกลับบ้านไปอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว หรืออย่างน้อยควรจะผ่อนปรนการควบคุมพวกเขา เพื่อบรรเทาความเหน็ดเหนื่อย ——จักรพรรดิจิ๋นซีได้ฟังก็พิโรธอย่างมาก ตวาดว่า เจ้าลูกสาวเนรคุณ ไม่จงรักภักดี คำพูดของข้าก็ไม่ฟัง เลี้ยงเจ้าไว้จะมีประโยชน์อันใด ทหาร! นำตัวมันไปตัดหัว! สิ้นพระสุรเสียง ทหาร 2-3 คนพร้อมดาบและขวาน ก็พาหมากูออกจากพระราชวัง วันนั้นตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ชาวบ้านจำนวนนับหมื่นนับพันที่ได้ยินเรื่องราวนี้ รู้สึกเหมือนมีมีดทิ่มแทงหัวใจ หลังจากนั้นทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 จะมีการจัดพิธีรำลึกถึงหมากูผู้ถูกสังหารทั้งที่ไม่มีความผิด บำเพ็ญฌานจนกลายเป็นเซียน ——นอกจากนี้ในตัวอักษรบนศิลาจารึก บันทึกแท่นบูชาเซียนหมากู《麻姑仙壇記》ของ เหยียนเจินชิง (顏真卿ค.ศ. 709 – ค.ศ.785 นักกฎหมาย และขุนนางที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ถัง ) ยังปรากฎข้อความว่า หมากูเป็นคนในสมัยราชวงศ์ถัง แซ่หลี (黎) สมญานาม ฉงเซียน (瓊仙) ได้เข้าเป็นข้าราชการในวัง ต่อมาบำเพ็ญฌานที่ภูเขาหมากู (麻姑山เล่าลือกันว่าอยู่ที่อำเภอหนานเฉิง 南城縣 มณฑลเจียงซี 江西 อันเป็น 1 ใน36 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเต๋า) และหมากูก็ได้เป็นเซียน ณ ที่แห่งนี้ ภาพเหยียนเจินชิง ——ยังมีอีกตำนานที่กล่าวถึงหมากูว่า หมากูเป็นหญิงสาวชนกลุ่มน้อยของรัฐโฮ่วจ้าว (後趙ค.ศ. 319 – ค.ศ.351 ) ในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ (南北朝ค.ศ. 420 – ค.ศ.589 ) มีรูปโฉมงดงาม สวมเสื้อผ้าสีสันสดใสตรึงตา เกล้ามวยใหญ่บนศรีษะ ปล่อยผมยาวพลิ้วจนถึงเอว หมากูไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม แต่จิตใจยังงามงดด้วย มักช่วยเหลือผู้ยากลำบาก ทว่าพ่อแม่ของหมากูกลับมีนิสัยโหดร้ายทารุณ หยิ่งยโส ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ จิตใจชั่วร้าย มักรังแกและกดขี่ชาวบ้านอยู่เนืองๆ ——แม้ชื่อเสียงของพ่อแม่จะไม่ดี แต่หมากูซึ่งเป็นลูกสาวยังคงกตัญญูต่อพวกเขา มีอยู่วันหนึ่ง หมากูไปเก็บผลไม้บนเขา ซึ่งสามารถเก็บลูกท้อได้ 1 ผล ในเวลานั้นลูกท้อนับเป็นผลไม้ชั้นดี เป็นผลไม้หายากมาก หมากูไม่ยอมกินเอง สอดไว้ในแขนเสื้อเพื่อนำไปให้พ่อแม่กิน ——ระหว่างทางกลับบ้าน หมากูเห็นคนกลุ่มหนึ่งริมถนน ก็รู้สึกแปลกใจจึงเดินเข้าไป ปรากฏว่ามีหญิงชราสวมเสื้อผ้าสีเหลืองนอนล้มป่วยอยู่ และจวนจะเสียชีวิตแล้ว กลุ่มคนที่มุงดูพูดกันว่า หญิงชราคนนี้ต้องหิวตายแน่นอน ถ้ามีอาหารให้นางกินพอประทังชีวิต นางก็อาจจะรอดตาย แต่ในภาวะสงครามเช่นนี้ จะไปหาของกินได้จากที่ไหนล่ะ? กลุ่มคนได้แต่ยืนส่งเสียงจ้อกแจ้กอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครฉุกใจไปหยิบของกินมาให้หญิงชราคนนี้เลย เมื่อเห็นว่าหญิงชราจะเสียชีวิตในไม่ช้า หมากูทนไม่ไหว รีบหยิบลูกท้อออกจากแขนเสื้อ นั่งยองๆ ป้อนเป็นคำเล็กๆให้หญิงชรากิน ลูกท้อลูกนี้ทั้งใหญ่ทั้งหวานชุ่มฉ่ำ หญิงชรากินแล้วก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างพากันชื่นชมจิตใจอันงดงามของหมากู ——ถึงแม้จะฟื้นขึ้นมา แต่หญิงชราก็ยังไม่มีเรี่ยวแรง พูดกับหมากูว่า เด็กดี ขอบคุณมากๆเลย ขอถามหน่อย เธอพอจะต้มโจ๊กให้ฉันกินได้หรือไม่? แต่ด้วยเวลานั้นเกิดภัยแล้ง ประชาชนมีอาหารไม่เพียงพอ ยังมีคนที่อดตายจากการขาดแคลนอาหารอีกมาก ดังนั้นอาหารจึงเป็นสิ่งมีค่ายิ่ง ทว่าหมากูอดสงสารไม่ได้ ไม่อยากให้หญิงชราอดตาย เลยตอบตกลงว่า ฉันจะไปต้มอาหารมาให้ ยายรอฉันที่นี่สักครู่ พูดจบหมากูก็รีบกลับบ้านไปต้มโจ๊กให้หญิงชรา ——โชคไม่ดีที่พ่อแม่รู้เรื่องของหมากูจนได้ พอพวกเขาทราบว่าหมากูให้ลูกท้อแก่หญิงชรากิน แล้วยังจะต้มโจ๊กให้อีกก็โมโหมาก จึงขังหมากูไว้ ไม่ให้ออกไปไหน ——แต่ว่าหมากูก็ปล่อยวางเรื่องหญิงชราข้างถนนไม่ได้ รอจนพลบค่ำพ่อแม่หลับแล้ว หมากูค่อยๆ แอบต้มโจ๊กแล้วออกไปอย่างเงียบๆ เมื่อมาถึงตรงที่หญิงชรานอนอยู่ กลับไม่พบเห้นหญิงชราคนนั้นแม้แต่เงา ทว่าภายใต้แสงจันทร์ ที่ตรงนั้นกลับมีลูกท้อวางไว้ หมากูจำใจเก็บลูกท้อกลับบ้าน พอถึงบ้านก็ล้มตัวลงนอน หลับไปสักพักก็ฝันเห็นหญิงชราเมื่อตอนกลางวันคนนั้น ยังคงใส่เสื้อผ้าสีเหลือง หัวเราะและหันมาหาหมากู พูดว่า เด็กดี ทำให้เจ้าลำบากแล้ว แต่ไม่ต้องลำบากอีกแล้ว ฉันยังสบายดี ต่อจากนี้พวกเรายังมีโอกาสได้เจอกันอีกแน่นอน พูดจบหญิงชราก็หายตัววับลับตาไป ——ตอนเช้าหลังจากตื่นนอน หมากูนำลูกท้อที่เก็บมาเมื่อคืนไปปลูกไว้ในสวน ผ่านไป 1 เดือนต้นท้อนี้ก็ทั้งสูงและใหญ่ ในเดือนมกราคมของปีที่ 2 ต้นท้อออกผลที่ทั้งใหญ่และแดงเต็มต้น หมากูนำลูกท้อเหล่านี้ไปช่วยเหลือคนยากจนที่หลบภัยสงครามและยากลำบาก แต่มีเรื่องแปลกคือ พอกินลูกท้อของหมากูแล้วไม่เพียงไม่รู้สึกหิว กลับมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้น คนป่วยก่อนหน้าก็หายป่วยแล้ว หมากูถึงเข้าใจว่า หญิงชราคนนั้นต้องเป็นเซียนที่จุติลงมาจากสวรรค์ ——ต่อมาหมาชิว (麻秋) พ่อของหมากูสร้างคุณงามความดีจากการสู้รบในสงคราม ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการระดับสูง และให้รับผิดชอบดูแลการบูรณะพระราชวัง หมาชิวต้องการบูรณะพระราชวังให้เสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้เพื่อเสนอหน้ารับความดีความชอบจากฮ่องเต้ จึงได้กดขี่ข่มเหงคนงานเหมือนเป็นทาส ให้พวกเขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ เวลาพักก็ไม่ได้พัก หมาชิวยังกำหนดว่า มีเพียงช่วงไก่ขันเท่านั้น ถึงจะสามารถหยุดพักได้ชั่วครู่ ——หมากูเห็นอกเห็นใจคนงานเหล่านี้มาก ดังนั้นทุกช่วงเย็นจึงมาซ่อนตัวข้างเล้าไก่เพื่อฝึกเสียงไก่ขัน เมื่อหมากูขัน ไก่ก็พลอยขันด้วย เหล่าคนงานเลยได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แต่ว่าเรื่องนี้ถูกหมาชิวล่วงรู้อย่างไว เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่า เป็นลูกสาวตัวเองที่ขัดขวางความมีชื่อเสียงของเขา หมาชิวบันดาลโสะ จะไปทุบตีลูกสาวให้สาสมกับความผิด ——พอหมากูรู้ข่าว ก็รีบหนีขึ้นไปบนเขา หมาชิวยิ่งโมโหมากขึ้น ตัดสินใจเผาภูเขา ให้ลูกสาวถูกไฟคลอกตาย ทว่าในช่วงเวลาเหมิ่นเหม่เช่นนี้ เจ้าแม่หวางหมู่ผ่านมาพบพอดี พระองค์ได้สดับกิตติศัพท์เรื่องคุณงามความดีของหมากูมามาก ตอนนี้เห็นว่าหมากูประสบความทุกข์ยาก จึงช่วยพาหมากูออกมา และรับเป็นลูกศิษย์ ความเชื่อเรื่องหมากูในฐานะเทพแห่งอายุยืน ——ด้วยความเชื่อนี้เอง เมื่อมีการฉลองวันเกิด ชาวจีนโบราณจึงมักนำรูปปั้น หรือรูปวาดหมากูมอบให้เจ้าของงานเพื่ออวยพรให้มีอายุยืน จนเกิดเป็นคำเรียกว่า ‘หมากูมอบความมีอายุยืนให้’ (麻姑獻壽) รูปปั้นหรือรูปวาดหมากูนั้นมักมีสิ่งของที่สื่อถึงการอวยพรให้มีอายุยืน เช่น เหล้าชั้นดี เป็นสัญลักษณ์แทนความมีอายุยืนที่หมากูเป็นผู้กลั่นขึ้นเอง, ลูกท้อ เป็นท้อที่ถวายให้แก่เจ้าแม่ซีหวางหมู่ ——นอกจากนี้ในบางภาพหมากูยังแบกกิ่งไผ่ไว้บนไหล่ บนกิ่งไผ่แขวนไหสุราไว้ ด้านข้างมีเด็กชายแบกลูกท้อขนาดใหญ่ไว้บนหลัง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นภาพแบบไหน ลูกท้อและเหล้าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากในความเชื่อของชาวจีน ลูกท้อและเหล้าล้วนเป็นสัญลักษณ์แทนความมีอายุยืน ดังนั้นรูปภาพหมากูอวยพรวันเกิด《麻姑獻壽》จึงมักปรากฏลูกท้อและเหล้าอันเป็นสัญลักษณ์แทนความมีอายุยืนอยู่ร่วมด้วยเสมอ : ภาพหมากูยังแบกกิ่งไผ่ไว้บนไหล่ บนกิ่งไผ่แขวนไหสุรา :
——จากบันทึกทางประวัติศาสตร์และภาพวาดในแต่ละราชวงศ์ทำให้รู้ว่า หมากูมีรูปโฉมงดงาม สง่าผ่าเผย อายุราว 18-19 ปี สวมเสื้อผ้าดูโอ่อ่า มักขี่เมฆหรือย่างเยื้องอยู่บนกลุ่มเมฆ ในมือบ้างก็ถือตะกร้าดอกไม้ บ้างก็ถือสิ่งที่สื่อความหมายเป็นเชิงอวยพรให้อายุยืนอันมี เซียนท้อ (仙桃) และเหล้าชั้นดี
——ตำนานเกี่ยวกับเทพแห่งอายุยืนของประเทศจีนนั้นมีหลายตำนาน หมากูเองก็มีหลากหลายตำนาน เช่นกัน ซึ่งจะสอดแทรกให้เห็นถึงจริยธรรม คุณธรรม และความเมตตาธรรมของเทพนารีองค์นี้ คือ
——มีเรื่องเล่ากันว่า จักรพรรดิจิ๋นซีมีพระธิดา 1 องค์ มีพระนามว่า “หมากู” แม้รูปสมบัตินางจะไม่ได้งดงาม แต่นางมีความเฉลียวฉลาด จิตใจดี ในขณะที่จักรพรรดิจิ๋นซีกำลังบัญชาการก่อสร้างกำแพงเมืองจีน มีพระประสงค์ให้การก่อสร้างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว พระองค์จึงเกณฑ์ทหารจำนวนมากมาคุมการก่อสร้าง ถ้าใครทำงานช้า ก็ใช้แส้หวดอย่างแรง ความโหดเหี้ยมของจักรพรรดิจิ๋นซีไม่หมดเพียงเท่านี้ พระองค์ยังใช้ไม้ค้ำยันพระอาทิตย์ไม่ให้ตก 3 วัน จึงดูเหมือนยังเป็นวันเดิม นอกจากนี้พระองค์ก็ให้หมากูไปอ่านโองการตรงสถานที่ก่อสร้างว่า ให้คนงานกินข้าวแค่ 1 มื้อใน 3 วัน
——ในสมัยจิ้นตะวันตก บันทึกชีวประวัติเทพเจ้า ภาคชีวประวัติเทพหมากู 《神仙傳·麻姑傳》ของเก่อหง (葛洪ค.ศ. 283 – ค.ศ.343 นักภาษาศาสตร์ นักปรัชญา และนักเขียนในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก) บันทึกไว้ว่า หมากูเป็นหญิงสาวที่ขยันและงดงาม มีพื้นเพเดิมเป็นคนหนานเฉิง น้องสาวของเทพหวางฟางผิง (王方平 เทพองค์หนึ่งในตำนานจีน) ซึ่งสำเร็จเป็นเซียนที่ภูเขาหมากู บำเพ็ญตบะที่ภูเขากูอวี๋ (姑馀山) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองมู่โจว (牟州 ปัจจุบันคือเขตมู่ผิง 牟平區เมืองเยียนไถ煙台มณฑลซานตง 山東 ) ภาพเก่อหง
ภาพบันทึกแท่นบูชาเซียนหมากู
——ในนิทานเรื่องหมากูเซี่ยนโซ่ว (《麻姑獻壽》หมากูอวยพรวันเกิด) เล่าไว้ว่า วันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ตามปฏิทินจีน ซึ่งเป็นวันเกิดของเจ้าแม่ซีหวางหมู่ หมากูได้ลงจากสวรรค์ไปกลั่นเหล้าจากเห็ดหลินจือด้วยตัวเองที่ริมแม่น้ำเจี้ยงจูเหอ (絳珠河) เหล้านี้มีรสชาติกลมกล่อมเป็นพิเศษ พอเปิดฝาก็ได้กลิ่นหอมที่เข้มข้นโชยขึ้นมา หมากูนำมาถวายให้แก่เจ้าแม่ซีหวางหมู่เพื่ออวยพรให้เจ้าแม่ทรงมีอายุยืนยาว